ลำดับไพ่โป๊กเกอร์ และกฎกติกาที่ต้องรู้ มีอะไรบ้าง เพื่อวางแผนการเล่นสู่ชัยชนะ

ลำดับไพ่โป๊กเกอร์

วันนี้จะมาพูดถึงลำดับไพ่โป๊กเกอร์กัน พร้อมกับอธิบายรายละเอียดการเล่นอื่นๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเล่นโป๊กเกอร์ จะให้รู้ว่าอีกฝ่ายฝีมือเป็นยังไง เพราะเมื่อเรารู้ลำดับไพ่กับหน้าไพ่แล้ว เราจะมีจังหวะในการเล่นที่ดีขึ้น รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ต้อง สู้ หมอบ หรือผ่าน สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้

สารบัญ

1. ลำดับไพ่โป๊กเกอร์

2. คำศัพท์โป๊กเกอร์พื้นฐาน

3. กติกา และวิธีเล่น โป๊กเกอร์

4. ฝากทิ้งท้าย

ลำดับไพ่โป๊กเกอร์

มีความสำคัญอย่างมาก ผู้เล่นทุกคนต้องทำความเข้าใจ และศึกษาข้อมูลให้ดี ยิ่งไพ่เรียงมีแต้มมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้เปรียบคู่ต่อสู้มากเท่านั้น แต่ถ้าได้ลำดับไพ่สูงกว่าการเรียงไพ่ คุณก็อาจรวยได้ในเกมโป๊กเกอร์ตานั้นเลย

  • ไพ่เรียง Royal Straight Flush

ประกอบไปด้วย A, K, Q, J, 10 (ต้องเป็นดอกเดียวกันด้วย) ดอกโพธิ์ดำใหญ่สุด ถือเป็นไพ่เรียงที่มีแต้มใหญ่ที่สุด ซึ่งโอกาสที่ไพ่จะออกหน้าแบบนี้มีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์

  • ไพ่เรียง Straight Flush

มีลักษณะคล้ายๆ ไพ่เรียง Royal Straight Flush แต่ที่ไม่เหมือนกันก็คือ แต้มของไพ่ไม่ได้สูง มีโอกาสออกหน้าไพ่แบบนี้ มากกว่าไพ่เรียงแบบที่ 1 และไม่สามารถเอาชนะไพ่เรียงแบบที่ 1 ได้

  • ไพ่เรียงมีแต้มเหมือนกัน 4 ใบ Four kind

เป็นไพ่ที่มีแต้มเดียวกัน 4 ใบ โอกาสออกอยู่ที่ 0.024%

  • ไพ่ตองบวก 1 คู่ Full House

เป็นไพ่เลขเดียวเหมือนกัน 3 ใบ และเลขเดียวกัน 2 ใบ ซึ่งไพ่รูปแบบนี้ จะใหญ่กว่าไพ่ตองธรรมดา เพราะมีไพ่คู่ค้ำไว้อยู่ด้วย แต่ถ้าคู่แข่งมีผลออกเหมือนกัน ทางคาสิโนจะคิดแต้มไพ่ตองก่อน หลังจากนั้นจะไปดูไพ่คู่

  • ไพ่เรียงดอก Flush

รูปแบบไพ่มีดอกเดียวกันหมด ไม่ได้มีแต้มหน้าไพ่เดียวกัน หากถ้ามีคู่แข่งผลออกเท่านั้น ให้ตัดสินที่แต้มหน้าไพ่ ว่าของใครใหญ่กว่า ฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายชนะ

  • ไพ่เรียงกัน 5 ใบ ไม่นับดอก Straight

เป็นไพ่ที่เรียงแต้ม 5 ใบ โดยเป็นไพ่ดอกใดก็ได้ ซึ่งจะยึด เอช หรือ A ใหญ่ที่สุด แต่ต้องเรียงจาก A, K, Q, J, 10 เท่านั้น แต่ถ้าไพ่ของคุณเรียง 5, 4, 3, 2, 1, A จะถือว่า เอช มีค่าน้อยที่สุดแทน

  • ไพ่ตองธรรมดา Three of kind

เป็นไพ่ตองที่มีเลขเหมือนกัน 3 ใบ หากคู่แข่งมีไพ่ตองแบบเดียวกับคุณ จะตัดสินที่ไพ่ 2 ใบสุดท้ายว่าใครแต้มใหญ่กว่ากัน

  • ไพ่ 2 คู่ Two Pair

เป็นไพ่ที่มี 2 คู่ โดยมีเลขเหมือนกัน 2 ใบ 2 หมายเลข ส่วนไพ่ใบสุดท้ายเป็นเลขอะไรก็ได้ ผู้เล่นส่วนใหญ่จะได้ลำดับไพ่แบบนี้กันเยอะ เพราะออกง่าย

  • ไพ่ 1 คู่ One pair

ไม่ค่อยเป็นที่นิยมใช้สู้กัน เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่คุณจะพ่ายให้แก่คู่ต่อสู้ ที่มีลำดับไพ่ที่เหนือกว่า แต่หากคุณกล้าพอที่จะลักไก่ ก็จะมีโอกาสชนะเช่นกัน

  • ไพ่แต้มสูง High Card

เป็นไพ่ที่มีโอกาสออกมากถึง 50% เพราะวัดกันแค่แต้มกันใบต่อใบ ไม่จำเป็นต้องเรียงอะไรทั้งนั้น โดยจะดูว่าแต้มใครใหญ่กว่ากัน ส่วนใหญ่ใครได้ไพ่หน้าแบบนี้ จะเป็นอันหมอบทุกคน

กลับสู่สารบัญ

คำศัพท์โป๊กเกอร์พื้นฐาน

เกมไพ่โป๊กเกอร์มีคำศัพท์เฉพาะมากมาย แต่จะมีที่ใช้บ่อยๆ เพียงไม่กี่คำ ไปดูกันว่า มีอะไรบ้าง

  • River : ใช้เรียกกองไพ่ 5 ใบสุดท้าย
  • Turn : ใช้เรียกกองไพ่ 4 ใบบนโต๊ะ
  • Flop : เป็นการเรียกไพ่ที่เล่น 3 ใบแรก ที่หงายบนโต๊ะ
  • Small Blind : เป็นการบังคับให้ผู้เล่นลงเดิมพันครึ่งหนึ่ง ของการเดิมพันขั้นต่ำ
  • Big blind : เป็นการบังคับให้ผู้เล่นลงเดิมพันเต็มจำนวน ของการเดิมพันขั้นต่ำ
  • Hold cards : ไพ่ที่รับจากคนแจกไพ่ ที่ไม่ใช่ดีลเลอร์
  • Dealer : สมมุติให้เป็นคนแจกไพ่ (ไม่ได้แจกจริง และได้เล่นเป็นคนสุดท้าย)
  • Button : เป็นปุ่มเครื่องหมายอยู่หน้าผู้เล่น วนเวียนไปตามรอบ

ชนิดของเกมไพ่โป๊กเกอร์

โป๊กเกอร์ที่นิยมเล่นกันมากที่สุดมีด้วยกัน 3 แบบใหญ่ๆ คือ Texus Hold’em, Omaham, 7/5 Stud ขึ้นอยู่กับคาสิโนนั้นๆ แต่กติกาส่วนใหญ่แล้วจะมีลักษณะคล้ายๆ กันหมด

  • โฮลเอ็ม Texus Hold’em

เป็นรูปแบบที่คนมักนิยมมากที่สุด ซึ่งจะประกอบด้วยการแจกไพ่ 2 ใบ ให้ผู้เล่น และแจกอีก 5 ใบสำหรับกองกลาง โดยผู้เล่นจะต้องมีไพ่ทั้ง 7 ใบ รวมกองกลางด้วย ฝ่ายไหนดีที่สุดเป็นฝ่ายชนะไป

  • โอมาฮ่า Onaha

เป็นโป๊กเกอร์อันดับที่ 2 ที่คนนิยมเล่นกันมากสุด โดยจะแจกใบใหเผู้เล่น 4 ใบ กองกลาง 5 ใบ จากนั้นให้เราเลือกไพ่ 2 ใบ มาแทนที่ไพ่กองกลาง ใครคะแนนไพ่กองกลางดีสุด จะเป็นผู้ชนะในตานั้นๆ

  • สตัล 7/5 Stud

เป็นรูปแบบไพ่โป๊กเกอร์ที่ไม่มีไพ่กองกลาง โดยจะแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ คือ 7 สตัล และ 5 สตัล

  • 5 สตัล แจกไพ่ให้ผู้เล่น 5 ใบ เมื่อแจกครบแล้ว ให้หงายไพ่ดูว่าไพ่ของใครเหนือ ก็เป็นฝ่ายชนะ
  • 7 สตัล จะแจกไพ่ 5 รอบ ทั้งหมด 7 ใบ แต่ละรอบสามารถเพิ่มเงินเดิมพันได้ตลอด
  1. รอบที่ 1 แจกไพ่ 3 ใบ 2 ใบแรกคว่ำ ใบที่ 3 หงาย
  2. รอบที่ 2 แจกไพ่หงาย 1 ใบ
  3. รอบที่ 3 แจกไพ่หงาย 1 ใบ
  4. รอบที่ 4 แจกไพ่หงาย 1 ใบ
  5. รอบที่ 5 แจกไพ่คว่ำ 1 ใบ รวมทั้งหมดเป็น 7 ใบ
  6. สุดท้ายผู้เล่นจะเลือกไพ้ในมือมา 5 ใบ จากทั้งหมด 7 ใบ มาตัดสินกันว่าใครจะได้รับชัยชนะในเกมนั้นๆ
กลับสู่สารบัญ

กติกา และวิธีเล่นโป๊กเกอร์

สำหรับไพ่โป๊กเกอร์จะมีรอบเดิมพันหลายรอบต่อหนึ่งเกม การเดิมพันก็จะเริ่มตั้งแต่ก่อนแจกไพ่ และจะมีไปเรื่อยๆ จนไพ่ถูกแจกครบตาม จากนั้นผู้เล่นจะนำไพ่ทั้ง 5 ใบที่มีอยู่ผสมกัน โดยเรียงตามลำดับไพ่ เพื่อดูว่าแต้มของใครเหนือกว่ากัน ซึ่งในแต่ละเกม จะสามารถมีผู้ชนะได้มากกว่า 1 คน โดย วิธีเล่นโป๊กเกอร์ ก็จะมีดังนี้

1. ผู้แจกไพ่ทำการแจกไพ่ให้กับผู้เล่นทุกคนบนโต๊ะ ตอนนี้ไพ่ที่อยู่ในมือผู้เล่นจะเรียกว่า Hold card

2. หลังจากที่ได้ไพ่กันครบแล้ว ผู้เล่นที่อยู่ซ้ายมือของ Big Blind จะเป็นผู้เริ่มเล่นก่อน

3. ในการเล่น ผู้เล่นจะสามารถเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งได้ดังนี้

  • Fold เป็นการทิ้งไพ่ในมือ เพื่อบอกว่าไม่ต้องการเล่นในเกมนี้แล้ว หรือที่เรียกกันว่า หมอบ
  • Call เป็นการวางเดิมพันตามชิปเดิมพันสูงสุดในรอบนั้น
  • Raise เป็นการเพิ่มเดิมพันสูงสุด หากมีคน Raise คนอื่นที่เหลือจะต้อง Call ตาม เพื่อให้ชิปเดิมพันเท่ากัน หรือจะ Fold ก็ได้
  • Check ผู้เล่นสามารถเคาะโต๊ะเป็นสัญญาณการผ่านได้ จะทำก็เมื่อชิปเดิมพันของเราเท่ากับเดิมพันสูงสุด ณ ตอนนั้น แล้วเราก็ไม่ต้องการเพิ่มเดิมพันอีก หากทุกคน Check จนครบ ผู้แจกไพ่จะเริ่มรอบต่อไปด้วยการแจกไพ่

4. หลังจากผู้เล่นที่เหลือทำซ้ำในข้อ 3 ไปแล้ว ผู้แจกไพ่จะแจกไพ่กองกลางใบที่ 4 หรือที่เรียกกันว่า Turn เพื่อเริ่มเล่นรอบต่อไป

5. เมื่อถึงรอบสุดท้าย ผู้แจกไพ่จะแจกไพ่ใบที่ 5 หรือที่เรียกว่า River ลงไปบนโต๊ะ เพื่อเริ่มการแข่งขันรอบสุดท้าย

6. เมื่อจบรอบสุดท้ายแล้ว ผู้เล่นที่เหลือจะต้องเปิดไพ่เพื่อวัดแต้มกัน ใครที่ผสมไพ่ 2 ใบในมือกับอีก 5 ใบบนโต๊ะได้แต้มมากกว่าก็จะเป็นผู้ชนะ

กลับสู่สารบัญ

ฝากทิ้งท้าย

สำหรับการเล่น โป๊กเกอร์ หากว่าตั้งแต่เริ่มมาเราไม่มีไพ่คู่สักชุด หรือคิดว่าเรียงไพ่ต่อกันดีๆ ไม่ได้ ส่วนใหญ่มักจะเลือกทิ้งไพ่กันไปเลย แม้ว่าไพ่ High Card จะมีโอกาสออกสูงที่สุด แต่ถ้าไปเจอไพ่คู่ก็คือจบ แต่ไพ่โป๊กเกอร์นั้น เป็นเกมไพ่ที่ไม่ได้ใช้แค่แต้มเท่านั้น แต่ยังใช้การข่มขวัญอีกฝ่ายให้คิดไปเอง ให้ยอมทิ้งไพ่ นั่นหมายความว่า ต่อให้มีไพ่คู่ แต่ถ้าดูสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายไม่ออก ก็มีสิทธิ์โดนหลอก ให้ทิ้งไพ่ได้เหมือนกัน