ประวัติทีมแมนยู สโมสร Man U ทีมฟุตบอลดัง สุดปังแห่งยุค อัพเดทล่าสุด

ประวัติทีมแมนยู

รู้จักทีมแมนยูกันอยู่แล้ว มาดู ประวัติทีมแมนยู กันบ้างดีกว่า Man United เป็นทีมฟุตบอลในดวงใจใครหลายๆ คน มาตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน ทีมแมนยูนั้นมีที่มาเป็นอย่างไร มีใครเป็นโค้ชแล้วนำทีมเป็นแชมป์ได้บ้าง ทีมนักเตะล่าสุดที่จะมาช่วยให้ทีมทำแต้มชนะ และมาดูกันว่าเพราะเหตุผลอะไร ทำไมทีมแมนยูถึงได้โด่งดัง มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นทีมที่แข็งแกร่งมีโอกาสชนะการแข่งได้มากกว่าทีมอื่นๆ

สโลแกน แมน ยู : “Glory Glory Manchester United” #Man U

ประวัติทีมแมนยู ไนเต็ด | Man United

สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (อังกฤษ: Manchester United Football Club) เป็นสโมสรฟุตบอลที่ตั้งอยู่ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในเกรเทอร์แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันแข่งขันในพรีเมียร์ลีกซึ่งลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ สโมสรมีฉายา “ปีศาจแดง” ก่อตั้งในชื่อสโมสรฟุตบอลนิวตันฮีตแอลวายอาร์ใน ค.ศ. 1878 และเปลี่ยนชื่อเป็นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดใน ค.ศ. 1902 ก่อนที่จะย้ายไปเล่นในสนามเหย้าปัจจุบันอย่างโอลด์แทรฟฟอร์ดในปี ค.ศ. 1910

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะเลิศถ้วยรางวัลมากกว่าสโมสรอื่นในฟุตบอลอังกฤษ โดยมี สถิติแมนยู ชนะเลิศลีก 20 สมัย ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด

  • เอฟเอคัพ 12 สมัย
  • ลีกคัพ 5 สมัย
  • เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 21 สมัย
  • ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 3 สมัย
  • ยูฟ่ายูโรปาลีก 1 สมัย
  • ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย
  • ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 1 สมัย
  • อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 1 สมัย
  • ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 1 สมัย

โดยในฤดูกาล 1998–99 ยูไนเต็ดกลายเป็นสโมสรแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษที่คว้าทริปเปิลแชมป์ และในฤดูกาล 2016–17 หลังจากที่ชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีก พวกเขากลายเป็นหนึ่งในห้าสโมสรที่ชนะเลิศการแข่งขันของยูฟ่าครบทั้งสามรายการ

ภัยพิบัติทางอากาศมิวนิก เมื่อ ค.ศ. 1958 คร่าชีวิตผู้เล่นแปดคน ต่อมาใน ค.ศ. 1968 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกลายเป็นสโมสรฟุตบอลแรกของอังกฤษที่ชนะเลิศยูโรเปียนคัพภายใต้การคุมทีมของแมตต์ บัสบี ต่อมาอเล็กซ์ เฟอร์กูสันพาทีมชนะเลิศถ้วยรางวัล 38 ใบในฐานะผู้จัดการทีม ซึ่งรวมพรีเมียร์ลีก 13 สมัย, เอฟเอคัพ 5 สมัย และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 สมัยในระหว่าง ค.ศ. 1986 ถึง 2013 ซึ่งเป็นปีที่เขาประกาศเกษียณตัวเอง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่มีผู้สนับสนุนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีสโมสรคู่ปรับคือ ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ซิตี, อาร์เซนอล และลีดส์ยูไนเต็ด

ติตามคลิปวิดีโอทีมแมนยูเพิ่มเติมที่นี่

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีรายได้สูงที่สุดในโลกในฤดูกาล 2016–17 ด้วยรายได้ต่อปีเป็นจำนวน 676.3 ล้านปอนด์ และเป็นสโมสรที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่สามของโลกใน ค.ศ. 2019 เป็นมูลค่า 3.15 พันล้านปอนด์ (3.81 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ณ ค.ศ. 2015 สโมสรเป็นเครื่องหมายการค้าฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก คาดว่ามีมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเกิดการลอยตัวในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนเมื่อ ค.ศ. 1991 สโมสรกลายเป็นเอกชนภายหลังจากที่มัลคอม เกลเซอร์ซื้อกิจการสโมสรเมื่อ ค.ศ. 2005 ด้วยข้อตกลงมูลค่าเกือบ 800 ล้านปอนด์ ซึ่งเงินที่ถูกกู้กว่า 500 ล้านปอนด์นี้กลายเป็นหนี้ของสโมสร และตั้งแต่ ค.ศ. 2012 หุ้นบางส่วนของสโมสรถูกเสนอขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก แม้ว่าตระกูลเกลเซอร์จะยังคงมีบทบาทเป็นเจ้าของและควบคุมสโมสร

แทงบอลแมนยู แทงบอลออนไลน์ กับเราได้ที่ FIFA55

ประวัติทีมแมนยู ช่วงแรก (1878–1945)

ค.ศ. 1878

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้ก่อตั้งขึ้น ในชื่อสโมสรฟุตบอลนิวตันฮีตแอลวายอาร์ (อังกฤษ: Newton Heath LYR Football Club) โดยพนักงานแผนกขนส่งและเกวียนของโรงซ่อมบำรุงรถไฟแลงคาเชียร์และยอร์กเชียร์ที่นิวตันฮีต ในช่วงแรก ทีมแข่งขันกับแผนกและบริษัทรถไฟอื่น ๆ แต่เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1880 พวกเขาแข่งขันในนัดแรกที่มีการบันทึกไว้ โดยสวมเสื้อสีประจำบริษัทอย่างสีเขียวและสีทอง นัดนั้น พวกเขาพ่ายแพ้ต่อทีมสำรองของโบลตันวอนเดอเรอส์ด้วยผลประตู 6–0

ค.ศ. 1888

สโมสรกลายเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของเดอะคอมบิเนชัน ลีกฟุตบอลระดับภูมิภาค แต่หลังจากยุบลีกในช่วงเวลาผ่านไปเพียงฤดูกาลเดียว นิวตันฮีทเข้าร่วมฟุตบอลอัลไลแอนซ์ที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ โดยแข่งขันสามฤดูกาลก่อนที่ลีกจะถูกรวมเข้ากับฟุตบอลลีก ส่งผลให้สโมสรเริ่มต้นฤดูกาล 1892–93 ในเฟิสต์ดิวิชัน ณ เวลานั้น พวกเขาแยกตัวออกจากบริษัทรถไฟและนำคำว่า “แอลวายอาร์” ออกจากชื่อ สองฤดูกาลถัดมา สโมสรตกชั้นสู่เซคันด์ดิวิชัน ทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในช่วงต้นฤดูกาล 1905–06 ซึ่งพวกเขาจบรองชนะเลิศในลีกระดับสอง

ค.ศ. 1902

ในเดือนมกราคม สโมสรติดหนี้เป็นจำนวน 2,670 ปอนด์ หรือเท่ากับ 290,000 ปอนด์ใน ค.ศ. 2020 จนมีคำสั่งให้เลิกกิจการ กัปตันทีม แฮร์รี สแตฟเฟิร์ด ได้ไปพบกับนักธุรกิจสี่คน ซึ่งรวมถึงจอห์น เฮนรี เดวีส์ (ผู้ซึ่งต่อมากลายเป็นประธานสโมสร) ทุกคนยินดีที่จะลงทุนเงิน 500 ปอนด์เพื่อแลกกับผลประโยชน์โดยตรงในการบริหารสโมสร พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อสโมสรในภายหลัง

ค.ศ. 1920

ในวันที่ 24 เมษายน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ เออร์เนสต์ มังแนล ผู้รับตำแหน่งผู้จัดการทีมใน ค.ศ. 1903 พาทีมจบรองชนะเลิศในเซคันด์ดิวิชันใน ค.ศ. 1906 จนได้เลื่อนชั้นสู่เฟิสต์ดิวิชัน ซึ่งพวกเขาชนะเลิศใน ค.ศ. 1908 นับเป็นแชมป์ลีกสมัยแรกของสโมสร พวกเขาเริ่มต้นฤดูกาลถัดมาด้วยการชนะเลิศแชริตีชีลด์เป็นสมัยแรกเป็นสโมสร ก่อนที่จะจบฤดูกาลด้วยการชนะเลิศเอฟเอคัพเป็นสมัยแรกของสโมสรเช่นเดียวกัน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะเลิศเฟิสต์ดิวิชันเป็นสมัยที่สองได้ใน ค.ศ. 1991 แต่หลังจบฤดูกาลถัดมา มังแนลออกจากสโมสรและเข้าร่วมแมนเชสเตอร์ซิตี

ค.ศ. 1993

สามปีหลังการเริ่มฟุตบอลใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งจบลง สโมสรตกชั้นสู่เซคันด์ดิวิชัน และได้เลื่อนชั้นอีกครั้งใน ค.ศ. 1925 พวกเขาตกชั้นอีกครั้งใน ค.ศ. 1931 ทำให้สโมสรจึงกลายเป็นโยโย่คลับ สโมสรจบอันดับที่ 20 ในเซคันด์ดิวิชันเมื่อ ค.ศ. ค.ศ. 1934 นับเป็นอันดับต่ำที่สุดตลอดกาล ต่อมาหลังจากที่จอห์น เฮนรี เดวีส์ ผู้อุปการคุณหลัก เสียชีวิตในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1927 สถานะการเงินของสโมสรย่ำแย่จนอาจล้มละลายหากไม่ได้เจมส์ ดับเบิลยู. กิบสัน ผู้ซึ่งลงทุนเงิน 2,000 ปอนด์และเข้าควบคุมกิจการสโมสรในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1931 ต่อมาในฤดูกาล 1938–39 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มีการแข่งขันฟุตบอลก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง สโมสรจบอันดับที่ 14 ในเฟิสต์ดิวิชัน

แทงบอลแมนยู แทงบอลออนไลน์ กับเราได้ที่ FIFA55

ประวัติทีมแมนยู ยุคของบัสบี (1945–1969)

ค.ศ. 1945

ในเดือนตุลาคม การกลับมาแข่งขันฟุตบอลอีกครั้งทำให้มีการแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่ คือ แมตต์ บัสบี ผู้ยกระดับสโมสรครั้งใหญ่ทั้งการเลือกผู้เล่น การซื้อขายผู้เล่น และการฝึกซ้อม บัสบีพาทีมจบอันดับที่สองในลีกใน ค.ศ. 1947, 1948 และ 1949 และชนะเลิศเอฟเอคัพใน ค.ศ. 1948 ต่อมาใน ค.ศ. 1952 สโมสรชนะเลิศเฟิสต์ดิวิชันเป็นครั้งแรกในรอบ 41 ปี พวกเขายังชนะเลิศลีกสองสมัยติดต่อกันใน ค.ศ. 1956 และ 1957 โดยผู้เล่นชุดนั้นมีอายุเฉลี่ยเพียง 22 ปี สื่อมวลชนได้ขนานนามทีมว่า “เดอะบัสบีเบปส์” เพื่อเป็นเกียรติแก่บัสบีที่ให้โอกาสผู้เล่นเยาวชนของเขา

ค.ศ. 1957

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกลายเป็นสโมสรแรกของอังกฤษที่เข้าร่วมแข่งขันยูโรเปียนคัพ แม้ว่าจะมีการคัดค้านจากฟุตบอลลีกซึ่งปฏิเสธการเข้าร่วมของเชลซีในฤดูกาลก่อนหน้า ยูโรเปียนคัพครั้งนั้น ยูไนเต็ดตกรอบรองชนะเลิศหลังจากที่แพ้เรอัลมาดริด โดยก่อนหน้านี้ พวกเขาเอาชนะอันเดอร์เลคต์ ทีมชนะเลิศลีกเบลเยียม ด้วยผลประตู 10–0 นับเป็นผลชนะสูงสุดตลอดกาลของสโมสร[30] แผ่นหินสลักที่โอลด์แทรฟฟอร์ดเพื่อรำลึกถึงผู้เล่นที่เสียชีวิตจากภัยพิบัติทางอากาศมิวนิกโดยระบุชื่อผู้เล่นไว้ด้วย

ค.ศ. 1958

ในฤดูกาลถัดมา ระหว่างเดินทางกลับจากการแข่งขันยูโรเปียนคัพรอบก่อนรองชนะเลิศที่เอาชนะเรดสตาร์ เบลเกรด เครื่องบินที่มีผู้เล่นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เจ้าหน้าที่ และนักข่าว เกิดอุบัติเหตุในตอนที่บินขึ้นหลังเติมเชื้อเพลิงที่มิวนิกในเยอรมนี จนเกิดภัยพิบัติทางอากาศมิวนิกเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1958

ภัยพิบัตินี้มีผู้เสียชีวิต 23 คน โดยมีผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 8 คน ได้แก่

  1. เจฟฟ์ เบนต์
  2. โรเจอร์ ไบร์น
  3. เอ็ดดี โคลแมน
  4. ดังคัน เอดเวิดส์
  5. มาร์ก โจนส์
  6. เดวิด เพ็กก์
  7. ทอมมี เทย์เลอร์
  8. บิลลี วีลัน

และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ผู้เล่นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดใน ค.ศ. 1963 ผู้ช่วยผู้จัดการทีม จิมมี เมอร์ฟี รับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมในช่วงที่บัสบีรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ เขาพาทีมซึ่งประกอบด้วยผู้เล่นตัวสำรองเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอคัพซึ่งพวกเขาพ่ายแพ้ต่อโบลตันวอนเดอเรอส์ ในช่วงเหตุการณ์ร้ายแรงนี้เอง ยูฟ่าได้เชิญสโมสรเข้าร่วมการแข่งขันยูโรเปียนคัพ ฤดูกาล 1958–59 พร้อมกับวุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ แม้ว่าสมาคมฟุตบอลจะอนุมัติให้เข้าร่วม แต่ฟุตบอลลีกตัดสินว่าสโมสรไม่ควรเข้าร่วมแข่งขันเพราะไม่ผ่านการคัดเลือก

ในช่วงทศวรรษ 1960

บัสบีสร้างทีมขึ้นใหม่ โดยซื้อผู้เล่นอย่างเดนิส ลอว์และแพต เครแรนด์ ที่จะมาเล่นร่วมกันกับผู้เล่นดาวรุ่งหลายคนซึ่งรวมถึงจอร์จ เบสต์ พวกเขาชนะเลิศเอฟเอคัพได้ใน ค.ศ. 1963 ฤดูกาลถัดมา พวกเขาจบอันดับที่สองในลีก จากนั้นชนะเลิศลีกใน ค.ศ. 1965 และ 1967

ค.ศ. 1968

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกลายเป็นสโมสรแรกของอังกฤษ (และสโมสรที่สองของบริติช) ที่ชนะเลิศยูโรเปียนคัพหลังเอาชนะไบฟีกาด้วยผลประตู 4–1 ในนัดชิงชนะเลิศ โดยทีมชุดนั้นมีผู้เล่นที่ได้รางวัลผู้เล่นแห่งปีของยุโรปสามคน ได้แก่ บ็อบบี ชาร์ลตัน, เดนิส ลอว์ และจอร์จ เบสต์ พวกเขาเป็นตัวแทนจากยุโรปในการแข่งขันอินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 1968 ที่พบกับเอสตูเดียนเตสจากอาร์เจนตินา พวกเขาพ่ายแพ้ด้วยผลประตูรวม หลังจากที่แพ้ในเลกแรกที่บัวโนสไอเรส ก่อนที่จะเสมอด้วยผลประตู 1–1 ที่โอล์ดแทรฟฟอร์ดในอีกสามสัปดาห์ถัดมา

ค.ศ. 1969

บัสบีลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และวิล์ฟ์ แมคควินเนสส์ ผู้ฝึกสอนทีมสำรองและอดีตผู้เล่นของสโมสร เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแทน

แทงบอลแมนยู แทงบอลออนไลน์ กับเราได้ที่ FIFA55

1969–1986

ประวัติทีมแมนยู

หลังจากจบอันดับที่แปดในฤดูกาล 1969–70 และเริ่มต้นฤดูกาล 1970–71 ได้อย่างย่ำแย่ สโมสรแต่งตั้งบัสบีเป็นผู้จัดการทีมอีกครั้ง ส่วนแม็กกินเนสส์กลับไปเป็นผู้จัดการทีมสำรอง ต่อมาในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1971 แฟรงก์ โอแฟร์เรลล์เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีม แต่อยู่ในตำแหน่งได้ไม่ถึง 18 เดือน ทอมมี ดอเชอร์ตีก็เข้ารับตำแหน่งแทนในเดือนธันวาคม ค.ศ.1972 ดอเชอร์ตีช่วยให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดรอดจากการตกชั้นได้ในฤดูกาลนั้น แต่ใน

ค.ศ. 1974

ทีมก็ต้องตกชั้นไป ทำให้ผู้เล่นสามประสานอันได้แก่ เบสต์, ลอว์ และชาร์ลตัน ย้ายออกจากสโมสร ทีมเลื่อนชั้นกลับมาได้ภายในฤดูกาลเดียวและยังเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอคัพใน ค.ศ. 1976 แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับเซาแทมป์ตัน

ค.ศ. 1997

พวกเขาเข้าชิงชนะเลิศอีกครั้ง โดยสามารถเอาชนะลิเวอร์พูล ด้วยผลประตู 2–1 อย่างไรก็ตาม สโมสรไล่ดอเชอร์ตีออกจากตำแหน่งหลังมีข่าวเชิงชู้สาวกับภรรยาของนักกายภาพสโมสร เดฟ เซ็กตันเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแทนดอเชอร์ตีในฤดูร้อน ค.ศ.1977 แม้ว่าเขาจะเซ็นสัญญาผู้เล่นหลายคน รวมทั้งโจ จอร์แดน, กอร์ดอน แม็กควีน, แกรี เบลีย์ และเรย์ วิลกินส์ แต่ทีมก็ยังไม่สามารถประสบความสำเร็จ พวกเขาจบอันดับที่สองในฤดูกาล 1979–80 และแพ้อาร์เซนอลในเอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ 1979

ค.ศ. 1981

สโมสรไล่เซ็กตันออกจากตำแหน่ง แม้ว่าเขาจะพาทีมชนะเจ็ดนัดสุดท้ายของฤดูกาลก็ตาม สโมสรแต่งตั้งรอน แอตกินสันเป็นผู้จัดการทีม เขาทำลายสถิติซื้อตัวผู้เล่นในบริติชด้วยการเซ็นสัญญากับไบรอัน ร็อบสันจากเวสต์บรอมมิชอัลเบียน ภายใต้การคุมทีมของแอตกินสัน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะเลิศเอฟเอคัพสองครั้งในช่วงสามปี คือใน ค.ศ. 1983 และ 1985 ต่อมาในฤดูกาล 1985–86 หลังจากชนะ 13 นัดและเสมอ 2 นัดใน 15 นัดแรกของฤดูกาล สโมสรมีความหวังที่จะชนะเลิศลีก แต่สุดท้ายต้องจบเพียงอันดับสี่เท่านั้น ฤดูกาลถัดมา ในช่วงเดือนพฤศจิกายน สโมสรอยู่ในอันดับที่สุ่มเสี่ยงต่อการตกชั้น ทำให้สโมสรปลดแอตกินสันออกจากตำแหน่ง

แทงบอลแมนยู แทงบอลออนไลน์ กับเราได้ที่ FIFA55

ยุคของเฟอร์กูสัน (1986–2013) แมนยู ยุครุ่งเรือง

อเล็กซ์ เฟอร์กูสันและผู้ช่วยของเขา อาร์ชี น็อกซ์ ที่มาจากแอเบอร์ดีน เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมในวันเดียวกันกับที่แอตกินสันถูกไล่ออก และพาสโมสรจบอันดับที่ 11 ในลีก แม้ว่าสโมสรจะจบอันดับที่ 2 ในฤดูกาล 1987–88 แต่ในฤดูกาลถัดมา สโมสรกลับไปจบอันดับที่ 11 เหมือนเดิม

ค.ศ. 1990

มีรายงานว่าเฟอร์กูสันจะถูกไล่ออกก่อนที่สโมสรจะชนะเลิศเอฟเอคัพเหนือคริสตัลพาเลซในนัดชิงชนะเลิศที่แข่งใหม่ (หลังจากที่เสมอกัน 3–3) ทำให้เฟอร์กูสันได้ทำหน้าที่ต่อ ฤดูกาลถัดมา แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะเลิศยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพเป็นสมัยแรก และได้เข้าร่วมแข่งขันยูฟ่าซูเปอร์คัพ 1991 ด้วยการเอาชนะเรดสตาร์ เบลเกรด ทีมชนะเลิศยูโรเปียนคัพ ด้วยผลประตู 1–0 ในนัดชิงชนะเลิศที่โอลด์แทรฟฟอร์ด

ค.ศ. 1992

สโมสรเข้าชิงชนะเลิศลีกคัพเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน โดยทีมเอาชนะนอตทิงแฮมฟอเรสต์ด้วยผลประตู 1–0 ที่สนามกีฬาเวมบลีย์

ค.ศ. 1993

สโมสรชนะเลิศลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ค.ศ. 1967 และในปีถัดมา สโมสรชนะเลิศลีกสองสมัยติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ค.ศ. 1957 และยังชนะเลิศเอฟเอคัพ นับเป็นดับเบิลแชมป์ครั้งแรก ในประวัติศาสตร์สโมสรยูไนเต็ดกลายเป็นสโมสรแรกของอังกฤษที่คว้าดับเบิลแชมป์ได้สองครั้งหลังจากที่พวกเขาชนะเลิศทั้งสองรายการอีกครั้งในฤดูกาล 1995–96 ก่อนที่ป้องกันแชมป์ลีกอีกหนึ่งสมัยในฤดูกาล 1996–97 ขณะที่ยังมีนัดการแข่งขันเหลือเพียงนัดเดียว

ในฤดูกาล 1998–99

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกลายเป็นสโมสรแรกที่ชนะเลิศพรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก หรือ “ทริปเปิลแชมป์” ได้ในฤดูกาลเดียวกัน โดยในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 1999 ยูไนเต็ดตามหลังอยู่ 1–0 แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เท็ดดี เชอริงงัมและอูเลอ กึนนาร์ ซูลชาร์ ทำประตูแซงเอาชนะไบเอิร์นมิวนิกได้อย่างปาฏิหาริย์ ถือเป็นหนึ่งในการกลับมาเอาชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล สโมสรยังชนะเลิศอินเตอร์คอนติเนนตัลคัพหลังจากที่เอาชนะปัลเมย์รัสด้วยผลประตู 1–0 ที่โตเกียว

  • เฟอร์กูสันได้รับยศอัศวิน จากคุณประโยชน์ของเขาที่มีต่อฟุตบอล
  • ไรอัน กิกส์ เป็นผู้เล่นที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ
  • แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะเลิศลีกอีกครั้งในฤดูกาล 1999–2000 และ 2000–01 และจบอันดับที่สามในฤดูกาล 2001–02 ก่อนที่จะกลับมาชนะเลิศอีกครั้งในฤดูกาล 2002–03
  • พวกเขาชนะเลิศเอฟเอคัพเป็นสมัยที่ 11 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด ในฤดูกาล 2003–04 ด้วยการชนะมิลล์วอลล์ด้วยผลประตู 3–0 ในนัดชิงชนะเลิศที่มิลเลนเนียมสเตเดียมในคาร์ดิฟฟ์
  • ต่อมาในฤดูกาล 2005–06 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบแพ้คัดออกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ กว่าทศวรรษ อย่างไรก็ตาม สโมสรสามารถจบอันดับที่สองในลีกและเอาชนะวีแกนแอทเลติกในฟุตบอลลีกคัพนัดชิงชนะเลิศ
  • สโมสรชนะเลิศพรีเมียร์ลีกอีกครั้งในฤดูกาล 2006–07
  • ในฤดูกาลถัดมา สโมสรชนะเลิศลีกอังกฤษเป็นสมัยที่ 17
  • ก่อนที่จะคว้ายูโรเปียนดับเบิลแชมป์ด้วยการยิงลูกโทษเอาชนะเชลซีด้วยผลประตู 6–5 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2008 ที่มอสโก โดยไรอัน กิกส์ลงเล่นเป็นนัดที่ 759 ให้กับสโมสรในนัดนี้ ทำลายสถิติลงเล่นมากที่สุดให้กับสโมสรที่บ็อบบี ชาร์ลตัน เคยทำไว้
  • ต่อมาในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2008 สโมสรชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2008 และฟุตบอลลีกคัพ ฤดูกาล 2008–09 อีกทั้งยังชนะเลิศพรีเมียร์ลีกเป็นสมัยที่สามติดต่อกัน

ค.ศ. 2009

ในช่วงฤดูร้อน สโมสรขายคริสเตียโน โรนัลโดให้กับเรอัลมาดริดด้วยค่าตัวสถิติโลก 80 ล้านปอนด์

ค.ศ. 2010

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเอาชนะแอสตันวิลลาในลีกคัพที่เวมบลีย์ด้วยผลประตู 2–1 ทำให้สโมสรป้องกันแชมป์ฟุตบอลถ้วยแบบแพ้คัดออกได้เป็นครั้งแรก หลังจบอันดับที่สองรองจากเชลซีในฤดูกาล 2009–10 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกลับมาชนะเลิศลีกเป็นสมัยที่ 19 ได้ในฤดูกาล 2010–11 หลังจากที่บุกไปเสมอกับแบล็กเบิร์นโรเวอส์ด้วยผลประตู 1–1 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 ต่อมาสโมสรชนะเลิศลีกเป็นสมัยที่ 20 ในฤดูกาล 2012–13 หลังจากที่เปิดบ้านเอาชนะแอสตันวิลลาด้วยผลประตู 3–0 เมื่อวันที่ 22 เมษายน ค.ศ. 2013

ประวัติทีมแมนยู

2013–ปัจจุบัน

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 เฟอร์กูสันประกาศว่าเขาจะเกษียณจากตำแหน่งผู้จัดการทีมหลังจบฤดูกาล แต่จะยังคงเป็นผู้อำนวยการและทูตของสโมสร วันถัดมา สโมสรประกาศว่า เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมของเอฟเวอร์ตัน จะรับหน้าที่ต่อจากเขาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ด้วยสัญญาหกปี สิบเดือนถัดมา

ค.ศ. 2014

เมื่อวันที่ 22 เมษายน ไรอัน กิกส์รับหน้าที่เป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีมชั่วคราวหลังจากที่มอยส์ถูกไล่ออกเนื่องจากผลงานอันย่ำแย่ โดยสโมสรไม่สามารถป้องกันแชมป์ลีกและไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1995–96 อีกทั้งยังไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในยูโรปาลีก

ถือเป็นครั้งแรกที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในการแข่งขันระดับทวีปยุโรปนับตั้งแต่ ค.ศ. 1990 วันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 มีการยืนยันว่าลูวี ฟัน คาลจะเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแทนมอยส์ด้วยสัญญาสามปี โดยมีกิกส์เป็นผู้ช่วย

ค.ศ. 2014

มัลคอล เกลเซอร์ หัวหน้าตระกูลเกลเซอร์ผู้เป็นเจ้าของสโมสรได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ในฤดูกาลแรกของฟัน คาล แม้ว่าเขาจะพายูไนเต็ดกลับไปเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอีกครั้งจากการจบอันดับที่สี่ในลีก แต่ในฤดูกาลที่สองของเขา ยูไนเต็ดกลับตกรอบแบ่งกลุ่ม อีกทั้งยังจบเพียงอันดับที่ห้า ไม่สามารถลุ้นแชมป์ลีกได้เป็นฤดูกาลที่สามติดต่อกัน แม้ว่าเขาจะเซ็นสัญญาผู้เล่นค่าตัวแพงเข้ามาก็ตาม

ในฤดูกาลเดียวกัน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะเลิศเอฟเอคัพเป็นสมัยที่ 12 นับเป็นถ้วยรางวัลแรกของพวกเขานับตั้งแต่ ค.ศ. 2013 แม้ว่าทีมจะชนะเลิศ สโมสรกลับไล่ฟัน คาล ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมในอีกสองวันต่อมา โดยโชเซ มูรีนโย เข้ารับตำแหน่งแทนเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ด้วยสัญญาสามปี ในฤดูกาลนั้น ยูไนเต็ดจบอันดับที่หกพร้อมกับชนะเลิศอีเอฟแอลคัพเป็นสมัยที่ห้า และชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีกเป็นสมัยแรก เช่นเดียวกับการชนะเลิศเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์เป็นสมัยที่ 21 ในนัดแรกที่มูรีนโยคุมทีม

แม้ว่าจะไม่จบในสี่อันดับแรก แต่ยูไนเต็ดสามารถผ่านเข้าสู่แชมเปียนส์ลีกได้จากการชนะเลิศยูโรปาลีก เวย์น รูนีย์ ทำประตูที่ 250 ให้กับยูไนเต็ด แซงหน้าเซอร์ บ็อบบี ชาร์ลตัน ในฐานะผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของสโมสร ก่อนที่เขาจะออกจากสโมสรหลังจบฤดูกาลเพื่อย้ายกลับเอฟเวอร์ตัน ฤดูกาลถัดมา ยูไนเต็ดจบอันดับที่สองในลีก นับเป็นอันดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ ค.ศ. 2013 แต่ทีมมีคะแนนตามหลังคู่ปรับอย่างแมนเชสเตอร์ซิตีถึง 19 แต้ม มูรีนโยพาสโมสรเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอคัพเป็นครั้งที่ 19 ก่อนที่จะแพ้ให้กับเชลซี 1–0

ค.ศ. 2018

ต่อมาในวันที่ 18 ธันวาคม ซึ่งยูไนเต็ดอยู่อันดับที่หกของตารางโดยมีคะแนนตามหลังอันดับที่หนึ่งอย่างลิเวอร์พูล 19 แต้ม และตามหลังพื้นที่แชมเปียนส์ลีก 11 แต้ม สโมสรไล่มูรีนโยออกจากตำแหน่งหลังจากที่เขาคุมทีมได้ 144 นัด วันถัดมา อดีตผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าของสโมสร อูเลอ กึนนาร์ ซูลชาร์เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมรักษาการจนจบฤดูกาล

ค.ศ. 2019

ต่อมาในวันที่ 28 มีนาคม ซูลชาร์รับตำแหน่งผู้จัดการทีมถาวรด้วยสัญญาสามปี หลังจากทำผลงานอันยอดเยี่ยมด้วยการชนะ 14 จาก 19 นัดแรก อีกทั้งยังพลิกเอาชนะปารีแซ็ง-แฌร์แม็งในแชมเปียนส์ลีกทั้งที่แพ้ในเลกแรกด้วยผลประตู 2–0

 

แทงบอลแมนยู แทงบอลออนไลน์ กับเราได้ที่ FIFA55

 

รายชื่อนักเตะแมนยู ฤดูกาล 2020-21

สนามบอล

1878–1893: นอร์ทโรด

ในช่วงแรก นิวตันฮีตเล่นที่สนามนอร์ทโรดใกล้กับย่านรถไฟ เดิมมีความจุประมาณ 12,000 ที่นั่ง แต่เจ้าหน้าที่ของสโมสรเห็นว่าสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นไม่เพียงพอต่อสโมสรในการเข้าร่วมฟุตบอลลีก ทำให้มีการขยายสนามใน ค.ศ. 1887 และ 1891 นิวตันฮีตใช้เงินทุนขั้นต่ำเพื่อซื้ออัฒจันทร์สองฝั่ง โดยแต่ละฝั่งจุผู้ชมได้ 1,000 คน แม้ในนัดแรก ๆ จะยังไม่มีการบันทึกจำนวนผู้เข้าชมที่นอร์ทโรด แต่สถิติผู้เข้าชมสูงสุดที่มีการบันทึกไว้อยู่ที่ประมาณ 15,000 คนในนัดการแข่งขันเฟิสต์ดิวิชันที่พบกับซันเดอร์แลนด์เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1893 นอกจากนี้ ยังมีการบันทึกจำนวนผู้เข้าชมที่ใกล้เคียงกันในนัดกระชับมิตรที่พบกอร์ตันวิลลาเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1889

1893–1910: สนามแบงก์สตรีต

ค.ศ. 1893

ในเดือนมิถุนายน หลังจากที่เจ้าของนอร์ทโรดอย่างอธิการบดีและเจ้าคณะแมนเชสเตอร์ที่รู้สึกว่าการที่สโมสรคิดค่าเข้าสนามนั้นไม่เหมาะสม ได้ขับไล่สโมสรออกไป เลขานุการ เอ.เอช. อัลบัต ได้จัดซื้อสนามแบงก์สตรีตในเคลย์ตัน ในช่วงแรก สนามยังไม่มีอัฒจันทร์ จนกระทั่งในช่วงต้นฤดูกาล 1893–94 ได้มีการก่อสร้างอัฒจันทร์สองฝั่งแรก ฝั่งหนึ่งอยู่ในแนวตามยาวของสนาม ส่วนอีกฝั่งตั้งอยู่ที่ปลายสนามฝั่ง “แบรดฟอร์ดเอนด์” ซึ่งอยู่หลังประตู ในฝั่งตรงข้ามซึ่งก็คือ “เคลย์ตันเอนด์” ได้มีการก่อสร้างอัฒจันทร์ที่จะรองรับได้หนึ่งพันคน

การแข่งขันในลีกนัดแรกของนิวตันฮีตที่แบงก์สตรีตเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1893 มีผู้เข้าชม 10,000 คนที่เห็นอัลฟ์ ฟาร์มันทำแฮตทริกช่วยให้ทีมเอาชนะด้วยผลประตู 3–2 อัฒจันทร์ฝั่งที่เหลือสร้างเสร็จสมบูรณ์ในเกมลีกนัดถัดมาที่พบกับนอตทิงแฮมฟอเรสต์ในอีกสามสัปดาห์ถัดมา

ค.ศ. 1895

ต่อมาในเดือนตุลาคม ช่วงก่อนที่แมนเชสเตอร์ซิตีจะเข้ามา สโมสรได้ซื้ออัฒจันทร์ความจุ 2,000 ที่นั่งจากสโมสรบรอตันเรนเจอส์ในลีกรักบี้ และสร้างอัฒจันทร์อีกฝั่งบน “รีเซิร์ฟไซด์” (ตั้งชื่อให้แยกออกจาก “ป็อปปูลาร์ไซด์”) อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดทางสภาพอากาศทำให้มีผู้เข้าชมในนัดของแมนเชสเตอร์ซิตีเพียง 12,000 คน

ค.ศ. 1902

เมื่อเจ้าของที่ดินสั่งปิดสนามแบงก์สตรีตชั่วคราว กัปตันทีม แฮร์รี สแตฟฟอร์ตจ่ายเงินให้กับสโมสรในนัดเยือนถัดไปที่จะพบกับบริสตอลซิตี และพบสนามชั่วคราวที่ฮาร์ปูร์เฮย์ในนัดถัดไปของทีมสำรองที่จะพบกับพาดิแฮม ต่อมาเมื่อมีการลงทุนด้านการเงิน ประธานสโมสรคนใหม่ จอห์น เฮนรี เดวีส์ จ่ายเงิน 500 ปอนด์เพื่อสร้างอัฒจันทร์แห่งใหม่ความจุ 1,000 ที่นั่งที่แบงก์สตรีต ภายในสี่ปี สนามมีอัฒจันทร์ครบทั้งสี่ด้าน ทำให้รองรับผู้เข้าชมได้ประมาณ 50,000 คน ผู้เข้าชมบางส่วนสามารถรับชมเกมได้จากระเบียงบนอัฒจันทร์หลัก

1910–ปัจจุบัน: โอลด์แทรฟฟอร์ด

โอลด์แทรฟฟอร์ด

ค.ศ. 1908

หลังจากที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะเลิศลีกสมัยแรก และชนะเลิศเอฟเอคัพในปีถัดมา มีความเห็นว่าแบงก์ตรีตนั้นมีขนาดเล็กเกินไปสำหรับความทะเยอทะยานของเดวีส์

ค.ศ. 1909

ในเดือนกุมภาพันธ์ หกสัปดาห์หลังจากที่สโมสรชนะเลิศเอฟเอคัพสมัยแรก มีการตั้งชื่อสนามเหย้าแห่งใหม่ของสโมสรว่า “โอลด์แทรฟฟอร์ด” โดยมีการซื้อที่ดินราคา 60,000 ปอนด์ อาร์คิบัลด์ ลีตช์ ผู้เป็นสถาปนิก ได้รับงบประมาณ 30,000 ปอนด์ในการก่อสร้าง แผนดั้งเดิมคือการสร้างสนามให้ความจุ 100,000 ที่นั่ง แต่งบประมาณที่จำกัดทำให้ต้องลดความจุเหลือเพียง 77,000 ที่นั่ง ตัวอาคารสนามก่อสร้างโดยเมสเซอร์ เบรเมลด์ และสมิทออฟแมนเชสเตอร์

ค.ศ. 1939

สถิติผู้เข้าชมสูงสุดที่สนามแห่งนี้บันทึกไว้เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ในการแข่งขันเอฟเอคัพรอบรองชนะเลิศที่วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์พบกับกริมส์บีทาวน์ โดยมีผู้เข้าชม 76,962 คน

ในสงครามโลกครั้งที่สอง มีการระเบิดเพื่อทำลายสนาม โดยอุโมงค์กลางในอัฒจันทร์ฝั่งทิศใต้เหลือเพียงหนึ่งในสี่ หลังจากสงคราม สโมสรได้รับค่าบูรณะจากคณะกรรมธิการความเสียหายจากสงครามด้วยจำนวนเงิน 22,278 ปอนด์ ในขณะที่มีการซ่อมแซมสนาม ทีมลงเล่นนัดเหย้าที่สนามเมนโรดของแมนเชสเตอร์ซิตี โดยแมนเชสเตอร์ต้องจ่ายค่าเช่าสนาม 5,000 ปอนด์ต่อปีพร้อมกับเงินค่าเข้าสนามเป็นส่วนน้อย การปรับปรุงสนามในขั้นต่อมารวมถึงการประกอบหลังคา

โดยประกอบครั้งแรกที่อัฒจันทร์ฝั่งสเตรตฟอร์ด ต่อมาจึงประกอบที่อัฒจันทร์ฝั่งทิศเหนือและทิศตะวันออก เดิมหลังคาค้ำจุนด้วยเสาซึ่งบดบังการมองเห็นของผู้สนับสนุน ทำให้มีการเปลี่ยนโครงสร้างค้ำจุนเป็นคานแทน อัฒจันทร์ฝั่งสเตรตฟอร์ดเป็นอัฒจันทร์ฝั่งสุดท้ายที่เปลี่ยนโครงสร้างค้ำจุนเป็นคาน โดยปรับปรุงเสร็จในฤดูกาล 1993–94 เสาสี่เสาความสูง 180-ฟุต (55 เมตร) สร้างขึ้นด้วยงบประมาณ 40,000 ปอนด์

ค.ศ. 1957

เปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 มีนาคม แต่ละเสาติดตั้งไฟสองสว่าง 54 ดวง โครงสร้างเหล่านี้ถูกรื้อถอนใน ค.ศ. 1987 และแทนที่ด้วยระบบไฟส่องสว่างที่ฝังในหลังคาของแต่ละอัฒจันทร์ ซึ่งใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน ความต้องการของเทย์เลอร์รีพอร์ตที่กำหนดให้สนามต้องติดตั้งเก้าอี้ครบทุกที่นั่ง ทำให้ความจุของโอลด์แทรฟฟอร์ดลดลงเหลือเพียง 44,000 ที่นั่งใน ค.ศ. 1993 ต่อมา

ค.ศ. 1995

อัฒจันทร์ฝั่งทิศเหนือได้ปรับปรุงใหม่เป็นแบบสามชั้น ทำให้ความจุของสนามเพิ่มขึ้นเป็น 55,000 ที่นั่ง หลังจบฤดูกาล 1998–99 มีการเพิ่มชั้นที่สองให้กับอัฒจันทร์ฝั่งทิศตะวันออกและฝั่งทิศตะวันตก ทำให้ความจุของสนามเพิ่มขึ้นเป็น 67,000 ที่นั่ง ต่อมาระหว่างเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2005 ถึงเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2006 มีการเพิ่มเก้าอี้ 8,000 ที่นั่งบนชั้นที่สองของมุมอัฒจันทร์ฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือและฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นั่งใหม่บางส่วนเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 2006

โดยมีผู้เข้าชมในสนาม 69,070 คน กลายเป็นสถิติใหม่ของพรีเมียร์ลีก สถิตินี้ถูกทำลายลงเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2007 เมื่อมีผู้เข้าชม 76,098 คนรับชมเกมที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเอาชนะแบล็กเบิร์นโรเวอส์ด้วยผลประตู 4–1 ในนัดนั้นมีเพียง 114 ที่นั่ง (ร้อยละ 0.15 ของความจุทั้งสนามที่ 76,212 ที่นั่ง) ที่ไม่มีผู้ชม

ค.ศ. 2009

มีการปรับปรุงที่นั่งจนทำให้ความจุของสนามลดลง 255 ที่นั่งจนเหลือเพียง 75,957 ที่นั่ง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีผู้เข้าชมโดยเฉลี่ยสูงเป็นอันดับที่สองรองจากโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์

แทงบอลแมนยู แทงบอลออนไลน์ กับเราได้ที่ FIFA55

คู่แข่ง

แมนยู ลิเวอร์พูล

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมีทีมคู่แข่งคือ

  • อาร์เซนอล
  • ลีดส์ยูไนเต็ด
  • ลิเวอร์พูล
  • แมนเชสเตอร์ซิตี

ซึ่งนัดที่พวกเขาพบกันเรียกว่าแมนเชสเตอร์ดาร์บี คริสเตียโน โรนัลโดเลี้ยงลูกบอลในนัดที่พบกับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกใน ค.ศ. 2009 การแข่งขันกับลิเวอร์พูลมีรากฐานจากการแข่งขันระหว่างเมืองในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งแมนเชสเตอร์มีชื่อเสียงในด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอ ขณะที่ลิเวอร์พูลเป็นเมืองท่าสำคัญ ทั้งสองสโมสรเป็นทีมจากอังกฤษที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดทั้งการแข่งขันระดับประเทศและระดับนานาชาติ

ถ้วยรางวัลที่แมนยูและลิเวอร์พูลชนะเลิศเมื่อนำมารวมกัน ได้แก่ ลีก 39 สมัย

  • ยูโรเปียนคัพ 9 สมัย
  • ยูฟ่าคัพ 4 สมัย
  • ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 5 สมัย
  • เอฟเอคัพ 19 สมัย
  • อีเอฟแอลคัพ 13 สมัย
  • ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2 สมัย
  • อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 1 สมัย
  • และเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 36 สมัย

การพบกันของทั้งคู่ถือเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอลและนัดการแข่งขันที่มีชื่อเสียงที่สุดในฟุตบอลอังกฤษ อดีตผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กล่าวใน ค.ศ. 2002 ว่า “ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม คือ การสกัดลิเวอร์พูลออกจากความสำเร็จ”

“ศึกกุหลาบ” กับลีดส์ เกิดจากสงครามแห่งดอกกุหลาบที่ต่อสู้กันระหว่างราชวงศ์แลงคัสเตอร์กับราชวงศ์ยอร์ก โดยแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นตัวแทนของแลงคาเชียร์และลีดส์เป็นตัวแทนของยอร์กเชียร์ การแข่งขันกับอาร์เซนอลมีชื่อเสียงจากการแข่งขันหลายนัดระหว่างทั้งสองทีม โดยผู้จัดการทีม อเล็กซ์ เฟอร์กูสันและอาร์แซน แวงแกร์ต่างต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวนแชมป์ 33 สมัยของทั้งสองทีมรวมกัน (แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 20 สมัยและอาร์เซนอล 13 สมัย) การแข่งขันนี้จึงกลายเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในนัดการแข่งขันพรีเมียร์ลีกที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์

ถ้วยแชมป์ แมนยู ทั้งหมด

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในทวีปยุโรปในแง่ของจำนวนถ้วยรางวัล

  • ถ้วยรางวัลแรกของสโมสร คือ แมนเชสเตอร์คัพ ซึ่งพวกเขาชนะเลิศในชื่อนิวตันฮีตแอลวายอาร์เมื่อ ค.ศ. 1886
  • ต่อมาใน ค.ศ. 1908 สโมสรชนะเลิศลีกเป็นสมัยแรก
  • ชนะเลิศเอฟเอคัพเป็นสมัยแรกในปี ค.ศ. 1909

หลังจากนั้น พวกเขาชนะเลิศลีกสูงสุด 20 สมัย นับเป็นสถิติสูงสุด การชนะเลิศลีกสูงสุดนี้รวมถึงการชนะเลิศพรีเมียร์ลีก 13 สมัยซึ่งก็เป็นสถิติสูงสุดเช่นกัน พวกเขาชนะเลิศเอฟเอคัพ 12 สมัย มากที่สุดเป็นอันดับที่สองรองจากอาร์เซนอล (14 สมัย) แชมป์เหล่านี้ทำให้สโมสรได้เข้าร่วมแข่งขันเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ (ชื่อเดิมคือเอฟเอแชริตีชีลด์) มากที่สุดที่ 30 ครั้ง การแข่งขันจัดขึ้นในช่วงต้นฤดูกาลโดยเป็นการพบกันระหว่างผู้ชนะเลิศลีกกับผู้ชนะเลิศเอฟเอคัพจากฤดูกาลก่อนหน้า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะเลิศรายการนี้มากที่สุดที่ 21 สมัยจากการเข้าร่วม 30 สมัย โดยรวมถึงการเสมอสี่ครั้งที่ถ้วยรางวัลจะถูกแบ่งให้กับสองสโมสรร่วมกัน สโมสรมีช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จภายใต้การคุมทีมของแมตต์ บัสบี โดยเริ่มจากชนะเลิศเอฟเอคัพใน ค.ศ. 1948 และขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยการเป็นสโมสรแรกจากอังกฤษที่ชนะเลิศยูโรเปียนคัพใน ค.ศ. 1968 และในช่วงปีก่อนหน้านี้ สโมสรชนะเลิศลีก 5 สมัย

ช่วงที่สโมสรประสบความสำเร็จมากที่สุดคือทศวรรษ 1990 ภายใต้การคุมทีมของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดยชนะเลิศ

  • ลีก 5 สมัย
  • เอฟเอคัพ 4 สมัย,
  • ลีกคัพ 1 สมัย,
  • แชริตีชีลด์ 5 สมัย (ชนะเลิศร่วม 1 สมัย)
  • ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย
  • ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย
  • ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 1 สมัย
  • อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 1 สมัย

พวกเขายังคว้าดับเบิลแชมป์ (ชนะเลิศพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพในฤดูกาลเดียวกัน) อีกสามครั้งในช่วงทศวรรษนี้ ก่อนที่พวกเขาจะคว้าดับเบิลแชมป์เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 1993–94 เคยมีการคว้าดับเบิลแชมป์ในฟุตบอลอังกฤษเพียงห้าครั้ง ดังนั้นเมื่อพวกเขาคว้าดับเบิลแชมป์ครั้งที่สองในฤดูกาล 1995–96 พวกเขาจึงกลายเป็นสโมสรแรกที่คว้าดับเบิลแชมป์ได้สองครั้งซึ่งเรียกกันว่า “ดับเบิลดับเบิล” ต่อมาเมื่อพวกเขาชนะเลิศยูโรเปียนคัพ (ปัจจุบันคือยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก) เป็นครั้งที่สองใน ค.ศ. 1999 พร้อมกับชนะเลิศพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ พวกเขาได้กลายเป็นสโมสรแรกจากอังกฤษที่คว้าทริปเปิลแชมป์ แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกครั้งนั้นทำให้พวกเขาได้เข้าร่วมการแข่งขันอินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ

ซึ่งพวกเขาชนะเลิศจนกลายเป็นสโมสรเดียวจากบริติชคว้าแชมป์รายการนี้ได้ แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอีกสมัยใน ค.ศ. 2008 ทำให้พวกเขาได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2008 ซึ่งพวกเขาก็ชนะเลิศจนกลายเป็นทีมเดียวจากบริติชที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้จนถึง ค.ศ. 2019 ถ้วยรางวัลล่าสุดของสโมสรคือ ยูฟ่ายูโรปาลีก ที่พวกเขาชนะเลิศใน ฤดูกาล 2016–17 การคว้าแชมป์รายการนั้นทำให้ยูไนเต็ดกลายสโมสรที่ห้าที่ชนะทริปเปิลแชมป์ยุโรป อันประกอบไปด้วยยูโรเปียนคัพ/ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก, คัพวินเนอร์สคัพ และยูฟ่าคัพ/ยูโรปาลีก ต่อจากยูเวนตุส, อายักซ์, ไบเอิร์นมิวนิก และเชลซี

บทส่งท้าย

ทีมฟุตบอลสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด หรือ ทีมแมนยู นั้น เป็นทีมฟุตบอลชื่อดังระดับโลกที่มีประวัติมาอย่างยาวนานถึง 142 ปี และเป็นทีมฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากๆ ในประวัติศาสตร์โลก มียุคเฟื่องฟูอย่างยุคของท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่สามารถนำพาทีมไปจนได้ทริปเปิ้ลแชมป์ในยุโรป และได้แชมป์มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ทีมแมนยูยังเป็นทีมฟุตบอลขวัญใจของใครหลายๆ คน ตั้งแต่รุ่นเด็กน้อย เยาวชน คนทำงาน ไปจนถึงรุ่นใหญ่ที่ยังเป็นแฟนบอลอย่างเหนียวแน่นมาจนถึงทุกวันนี้  ไม่ว่าจะแข่งกับใครก็มีโอกาสชนะสูง

อยากเชียร์แมนยู แทงบอลแมนยู แทงบอลออนไลน์ ต้องเลือกผู้ให้บริการที่มีความมั่นคง มีฐานลูกค้ามากกว่า 100,000 ราย ให้บริการทุกท่านด้วยความจริงใจ ฝาก ถอนเงินได้ไว ไม่มีโกง อย่าง FIFA55 เรามีโปรโมชั่นเด็ดๆ มาแจกทุกสัปดาห์ ค่าน้ำดีกว่าที่อื่นๆ แน่นอน

แทงบอลแมนยู แทงบอลออนไลน์ กับเราได้ที่ FIFA55